Monday, January 29, 2007

ความเป็นมาของยุค 3G


3G


ต่อมา ... ก็ได้พัฒนามาเป็นระบบ 3G หรือ Third Generation ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคที่ 3 จุดเด่นที่สุดของ 3G นั้น ... เป็นเรื่องของความเร็วในการเชื่อมต่อและการรับ-ส่งข้อมูล โดยเน้นการเชื่อมต่อแบบไร้สายด้วยความเร็วสูง ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลต่างๆ รวดเร็วมากขึ้น พร้อมทั้งสามารถใช้ บริการ Multimedia ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และ มีประสิทธิภาพแบบมากยิ่งขึ้น เช่น การรับ-ส่ง File ที่มีขนาดใหญ่ , การใช้บริการ Video/Call Conference , Download เพลง , ดู TV Streaming ต่างๆซึ่งถ้าเปรียบเทียบเทคโนโลยี 2G กับ 3G แล้ว ... 3G มีช่องสัญญาณความถี่ และ ความจุในการรับส่งข้อมูลที่มากกว่าเยอะเลยคุณสมบัติหลักที่เด่นๆ อีกอย่างหนึ่งของระบบ 3G ก็คือ Always On ... คือ มีการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายของ 3G ตลอดเวลาที่เราเปิดโทรศัพท์ด้วย


3G ก็จะเอาข้อดีของ CDMA มาใช้ โดยขยาย bandwidth (spread spectum) ออกเป็น 5 MHz หรือที่เรียกว่า WCDMA (จะใช้ UMTS ก็ได้ คือๆ กัน) โดยมี max อยู่ที่ 2 Mbps (เงื่อนไขคือ ไม่เคลื่อนที+่ อยู่ในตึก +ใช้ picocell +และไม่มีคนอื่นมา share) แต่ average ที่ใช้จริงๆ จะอยู่ที่ 384 kbps CDMA - Code division จัดสรรคลื่นรวมกันไป โดยแบ่ง code ใคร code มัน(ภายใต้ คลื่นความถี่เดียวกัน) เหมือนกับในห้องประชุม ผู้ร่วมประชุมต่างชาติ ต่างภาษา คุยกันมากมาย แต่ชาติเดียวกันภาษาเดียวกัน ก็จะคุยกันรู้เรื่อง speed การใช้งานจะอยู่ประมาณ 151 kbps (มั้งจำไม่ค่อยได้ครับ) โดยข้อดีของ CDMA อื่นเรื่องคือการ hand-off จะทำได้ดีกว่า GSM มาก (hand-off คือการส่งไปให้ cell site อื่นรับงานต่อ กรณีเราเคลื่อนที่อยู่) โดยฝั่ง CDMA พอปรับมาเป็น 3G ก็จะมาเป็น CDMA 2000-1x, CDMA 2000-1x EVDV และ EDVO ครับ (ยังไม่รวม 3x-RTT ด้วย)





*****คุณสมบัติหลักที่เด่นๆ อีกอย่างหนึ่งของระบบ 3G ก็คือ Always On ... คือ มีการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายของ 3G ตลอดเวลาที่เราเปิดโทรศัพท์ด้วย*****


No comments: